Washbox24
กล่องมหัศจรรย์ รับเปลี่ยนคราบสกปรกเป็นความสะอาด ตลอด 24 ชั่วโมง
บอนด์ - นิธิพนธ์ ไทยานุรักษ์ CEO & Co-Founder, Washbox24

WashBox24: กล่องมหัศจรรย์ รับเปลี่ยนคราบสกปรกเป็นความสะอาด ตลอด 24 ชั่วโมง

บอนด์ - นิธิพนธ์ ไทยานุรักษ์ CEO & Co-Founder, Washbox24

ลำพังแค่การใช้ชีวิตนอกบ้านซึ่งหมดไปกับการทำงานในแต่ละวัน ท่ามกลางสังคมเมืองที่ต้องแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา ก็แทบไม่มีเวลาให้มนุษย์เมืองได้ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะพอเข้าบ้านมาก็เห็นงานในบ้านจ่อรอคิวให้ต้องสะสางทันที ทั้งทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว ล้างจาน และซักผ้า รีดผ้า ฯลฯ แม้ว่าบางคนจะเลือกใช้บริการที่แบ่งเบาภาระในเรื่องซัก อบ รีด ไปให้ตามร้านที่อยู่ใต้คอนโดฯ หรืออยู่ในบริเวณที่พักอาศัย แต่ก็ต้องประสบปัญหายามกลับดึก ร้านปิด ทำให้ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ในวันต่อไป ซ้ำร้าย ในบางครั้งที่โชคไม่เข้าข้าง อาจมีเสื้อผ้าตกหล่น หายไปกับระบบที่ไม่อาจตรวจสอบได้ นี่เป็นชะตาชีวิตที่เกิดขึ้นจริงของคนในเมืองใหญ่ ซึ่ง นิธิพนธ์ ไทยานุรักษ์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงหัวก้าวหน้า เข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะเขาเองก็เคยเผชิญเหตุการณ์ที่ว่ามาก่อน แต่เขาไม่เหมือนใครตรงที่การเผชิญหน้ากับปัญหาของเขา ทำให้เกิดไอเดียที่จะเซ็ตระบบบางอย่างมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ประกอบกับการได้ท่องโลกกว้าง ได้เห็น ความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองในญี่ปุ่น โดยเฉพาะกับตู้ล็อคเกอร์ จึงปิ๊งคอนเซ็ปต์ในการนำ Locker และ Laundry มารวมกัน กระทั่ง WashBox24 ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ

“ตอนนั้นผมคิดแต่เพียงว่าน่าจะมีระบบอะไรบางอย่างที่มาแก้ไขปัญหาเรื่องการซัก อบ รีด ได้ เลยทำ WashBox24 ขึ้นมา ซึ่งในส่วนของล็อคเกอร์ ก็จะเปิด 24 ชั่วโมง ปรากฏว่า WashBox24 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จากที่มีอยู่ตู้เดียวในย่านสุขุมวิท ก็โตไวถึงขั้นก้าวกระโดดตามการพัฒนาของเมือง ผมรู้สึกว่าการที่ WashBox24 จะเข้าถึงผู้คนได้ ต้องใช้คอนเซ็ปต์คล้ายตู้เอทีเอ็ม คือทำหลายๆ ตู้ กระจายไปทั่วบ้านทั่วเมือง จึงจะเข้าถึงผู้คน ผมตั้งเป้าไว้ว่า ปีหน้าจะต้องมีอย่างน้อย 200 ตู้ในเมืองไทย แต่ก็ยอมรับว่าแรกๆ ก็ยังไม่มั่นใจ ว่ามันจะเวิร์คสำหรับคนไทย เพราะเรื่องแอพพลิเคชั่นในช่วงนั้นยังเป็นของใหม่ และระบบของเราก็เป็นระบบแบบใหม่ จึงต้องมีกระบวนการให้ความรู้ผู้บริโภค ต้องศึกษาเรื่องการตลาดเยอะมาก ทุกวันนี้เปิดมา 3 ปีแล้ว ผมก็ยังรู้สึกว่า WashBox24 ยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ ต้องเรียนรู้อีกมากมาย”

ย้อนไปที่ประเด็นของการให้ความรู้ผู้บริโภค ซึ่งเป็นขั้นตอนที่หินสุดๆ สำหรับการเข็นเทคโนโลยีใหม่ ให้เข้าไปนั่งกลางใจคน ซึ่ง Founder วัย 36 คนนี้ เลือกใช้กลยุทธ์ทุกทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พูดง่ายๆ คือ ทำยังไงก็ได้ให้ผู้คนอยากลองใช้ WashBox24

“บางคนอาจเทคะแนนในการดึงลูกค้าไปกับช่องทางออนไลน์ แต่ผมอยากบอกว่าออฟไลน์นั้นสำคัญมาก เพราะมันคือ Physical Hardware ที่สามารถสร้างการรับรู้กับผู้คนได้โดยตรง ด้วยนิสัยของคนไทยเวลาเดินผ่านอะไรแปลกใหม่ก็จะเกิดความสงสัยว่า นี่ตู้อะไร? ผมจึงส่งทีมงานไปประจำตามตู้ เพื่ออธิบายคุณสมบัติของตู้ให้ลูกค้าฟัง รวมถึงชี้แจงรายละเอียดเรื่องราคา ซักอบรีดเริ่มต้นที่ 16 บาท ถ้ารีดอย่างเดียว เริ่มต้นที่ 10 บาท ซึ่งเป็นราคาที่จับต้องได้ ไม่แพง ถ้าเขาสนใจก็สามารถหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาสมัครสมาชิก ได้ทันที”

ถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่า แล้ว WashBox24 ทำงานอย่างไร จะยุ่งยากหรือไม่ นิธิพนธ์ จึงไล่เรียงกลไกการทำงานของ WashBox24 ฉบับย่อให้เราฟัง

“ทันทีที่คุณสมัครสมาชิก และดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นมาไว้ในมือถือเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถขอรหัสเปิดตู้ได้ จากนั้นก็เอาของที่ต้องการซักใส่ตู้ ซึ่งเรารับหมดทั้งซักแห้ง ซักอบรีด ซักมือ แยกซัก รองเท้า กระเป๋า ผ้านวม ผ้าม่าน พรม ตุ๊กตา ฯลฯ เพียงแต่ว่าสิ่งของอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสื้อผ้า ก็อาจไม่ได้อยู่ในข่ายเวลา 24 ชั่วโมง แต่จะพิจารณาระยะเวลาตามความเหมาะสม เมื่อจบกระบวนการการดร็อป ก็ตัดฉากมาที่ระบบหลังบ้าน จะมีหน่วยรถไปเก็บของเหล่านั้นมาที่โรงงาน พนักงานจะถ่ายรูปและติดบาร์โค้ดสิ่งของทุกชิ้น รูปถ่ายนั้นจะเชื่อมโยงไปยังแอพพลิเคชั่นซึ่งอยู่ในสมาร์ทโฟนของลูกค้า ลูกค้าก็จะเห็นรูปเสื้อผ้าของตัวเองว่าเดินทางมาถึงกระบวนการไหนแล้ว ข้าวของยังอยู่ครบไหม เพื่อสร้างความเชื่อใจ หลังจากนั้นภายใน 24 ชั่วโมง พอเราผ่านกระบวนซักเรียบร้อยแล้ว เราก็นำขึ้นกระบวนการขนส่งกลับไปคืนที่ตู้ให้ลูกค้ามารับ ซึ่งลูกค้าก็จะได้รับ SMS ให้มารับเสื้อผ้าที่ตู้ โดยเขาจะมีเวลา 48 ชั่วโมงในการไปรับของ ถ้าเกิน 48 ชั่วโมง ยังไม่มีคนมารับของ จะมีหน่วยรถไปเก็บมาไว้ยังคลังสินค้าก่อน เพราะระบบของเราเป็นตู้หมุนเวียน”

แต่ถึงกระนั้น นิธิพนธ์ ก็ไม่ประมาท เขาวางระบบที่รัดกุมให้ WashBox24 มากพอสมควร เพราะงานของเขาคืองานบริการ ประเมินผลกันที่ความพึงพอใจของลูกค้า แต่หากว่าป้องกันดีแล้ว ยังเกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับสินค้าของลูกค้า WashBox24 ก็จะชดใช้สินค้าในราคา 10 เท่า ของราคาทรัพย์สิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

นิธิพนธ์ เล่าต่อไปว่า กลุ่มเป้าหมายของเขาคือคนที่มีเซ้นส์ทางเทคโนโลยี ตั้งแต่ First Jobber ขึ้นไป เป็นคนเมืองสมัยใหม่ เขาซีเรียสกับการเลือกกลุ่มเป้าหมายในระดับหนึ่ง เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพของ WashBox24 ไปตลอด ที่สำคัญการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มนี้ ยังสามารถส่งอิทธิพลให้เกิดการขยับขยายทางธุรกิจได้

“พอ WashBox24 ติดตลาดระยะหนึ่ง เราก็เริ่มมองเรื่องไฟแนนซ์ เพราะตู้ค่อนข้างมีราคาสูง บวกกับการวิเคราะห์เทรนด์ของคนเมืองยุคนี้ที่นิยมอยู่คอนโดฯ กันมากขึ้น แล้วคนกลุ่มนี้ ก็จะช่วยเรา ขยายสาขาไปโดยปริยาย เลยตัดสินใจทำแฟรนไชส์ตู้ในช่วงปี 2014 เพื่อให้ผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมซื้อตู้ Washbox ไปตั้ง ไม่เพียงแค่นั้น เรายังวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มลูกค้าของเรา แล้วพบว่าพวกเขามักใช้บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์กันในชีวิตประจำวัน เราจึงขยายบริการ MoveBox24 โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ KERRY EXPRESS จัดส่งพัสดุไปที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย ถ้าคุณอยากส่งอะไรให้ใคร ก็แค่เอาของมาใส่ตู้ อีกบริการคือ ShopBox24 โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ อย่าง Tesco Lotus และ Cdiscount.com สร้างสรรค์บริการซื้อของออนไลน์แล้วให้คุณมารับของได้ที่ตู้ของเราตลอด 24 ชั่วโมง ในอนาคตเรากำลังจะมีบริการ DropBox24 ให้คุณฝากสัมภาระไว้ที่ตู้ แล้วไปปฏิบัติภารกิจต่อได้อย่างคล่องตัว โดยมีระยะเวลาในการฝาก-รับคืน 24 ชั่วโมง และบริการ PayBox24 โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง snapPay ช่วยจัดการ เคลียร์การจ่ายบิลต่างๆ ให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น”

แต่กว่าจะเกิดไอเดียเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายของ Box24 ก็ต้องผ่านการคิดอันหนักหน่วง ในการประยุกต์ตัวสินค้าให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน ทว่า ผู้บริหารหนุ่มหัวคิดทันสมัยอย่างเขา สามารถใช้งานเทคโนโลยี ให้มาแบ่งเบาภาระได้ โดยการใช้พรินท์เตอร์ขยายไอเดียมาแปะไว้ที่ตู้ให้เห็นภาพชัดๆ และจดจำซึมซับเข้าไป รวมถึงใช้จัดการกับระบบเอกสารอื่นๆ ซึ่งหนุ่มคนนี้จะถูกใจเครื่องพรินท์แบบมัลติฟังก์ชั่นที่ทำงานได้ทุกอย่าง และมี Wireless เพราะมันคือสิ่งที่ตอบโจทย์เขาได้ดีที่สุด

ไม่เพียงสร้างวัฒนธรรมล็อคเกอร์ไฮเทคแค่ในเมืองกรุง หากแต่ WashBox24 ยังตีวงกว้างของธุรกิจออกไปยังเมืองสำคัญทางแถบอาเซียน อย่างสิงคโปร์ และกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ แน่นอนว่า การเติบโตของ Box24 ภายใต้การบริหารของผู้บริหารไฟแรงคนนี้ ยังคงเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง

“ผมเชื่อว่าความสำเร็จทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ ความขยัน ทำงานหนัก ช่างสังเกต หลายคนอาจมองว่าการทำเทค สตาร์ทอัพ (Tech Startup) ต้องสนใจหรือมีทักษะในเรื่องเทคโนโลยีสูง แต่สำหรับผมมองว่า ไม่จำเป็นต้องสนใจเทคโนโลยีมากก็ได้ เพียงแต่ลองเอาปัญหาเป็นที่ตั้ง หากปัญหานั้นแก้ได้โดยการทำฮาร์ดแวร์ เราก็ต้องทำฮาร์ดแวร์ วันหนึ่งต้องมีแอพพลิเคชั่น

เราก็ต้องมี วันหนึ่งต้องมี AI เราก็ต้องมี AI เพราะการทำธุรกิจเทค สตาร์ทอัพ ก็เหมือนธุรกิจทั่วไป ที่ต้องเอาโจทย์ผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง แล้วค่อยหาประเด็นแก้ไข นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

ทีนี้ก็วางใจได้แล้วว่า ปัญหาซักอบรีดกับเสื้อผ้ากองพะเนินจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป เพียงคุณเรียกใช้บริการแจ๋วไฮเทคอย่าง WashBox24 นี่ละคือศักยภาพของกล่องมหัศจรรย์ที่มาพร้อมการพัฒนาของเมือง

website : www.washbox24.com

Back